top of page
  • Prawta

กลยุทธ์การตลาดที่ดีคือ อย่าใช้ความคาดหวัง ในการทำการตลาด (Hope Marketing)

กลยุทธ์การตลาดแบบอาศัยเพียงแค่ความหวัง หรือเรียกเป็นภาษาอังกฤษเท่ ๆ ว่า Hope Marketing Strategy ถือเป็นกลยุทธ์ที่นักขาย นักธุรกิจ มือใหม่ มักจะนิยมทำเป็นอันดับ 1 เลยครับ โดยพวกเขามักจะอาศัยความคาดหวังในใจเป็นกลยุทธ์หลักในการทำงานการตลาดอย่าสมบูรณ์


ซึ่งคนที่มักใช้ Hope Marketing จะมีคำเหล่านี้อยู่ในใจเสมอ เช่น

“ฉันหวังว่า แอดส์ที่ลงไปจะเวิร์ค”

“ฉันหวังว่า คนจะอ่านเรื่องราวของฉันในบล๊อค”

“ฉันหวังว่า จะมีคนเข้ามาซื้อสินค้าของฉัน”

“เจ้าประคู๊นขอให้ โพสต์นี้ ปังทีเถอะ...”


มนุษย์กลยุทธ์อย่างผมต้องขอออกตัวและขอบอกเลยว่า Hope Marketing นั้นไม่เวิร์ก เพราะมันไม่มีกลยุทธ์อะไรอยู่เบื้องหลังความคิดนั้นเลย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว สิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ล้วนแต่ต้องมีการวางกลยุทธ์ ยิ่งกลยุทธ์ดีและแยบคายเท่าไหร่ ผลสัมฤทธิ์ก็ยิ่งจะชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น


แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่า ตอนนี้เรากำลังทำการตลาดโดยอาศัยความหวังเพียว ๆ อยู่หรือเปล่า? มนุษย์กลยุทธ์อย่างผมมีคำตอบให้ครับ


Hope Marketing หรือการตลาดแบบความหวังนั้นอยู่บนพื้นฐานความคิดที่ว่า จับอะไรมั่ว ๆ โยนเข้าไปก่อน แล้วอะไรที่ติด อะไรที่เริ่มขยับ คุณก็จะคาดหวังและยึดถือสิ่งนั้นเป็นหลัก


เช่น ลองโพสต์โน่น โพสต์นี่ไปก่อน แล้วดูว่าคนชอบเรื่องไหน แบบไหน แล้วเราก็กระหน่ำซัมเมอร์เซลกับเรื่องนั้น ๆ จนกระทั่งคนอ่านเบื่อ และไม่รู้ทิศทางว่า จริง ๆ แล้ว เป้าหมายหรือจุดหมายที่เขียนที่โพสต์นั้นอยู่ตรงไหน?


หรือทำตามคนอื่น เห็นคนอื่นเขาทำแล้วก็ทำตามแบบลืมหูลืมตา แล้วหวังว่าจะแบ่งคนจากเขามาได้ไม่มากก็น้อย แต่อย่าลืมว่า พี่เบิร์ด ธงชัยมีคนเดียว คนเหมือนพี่เบิร์ด ไม่มีใครจำ พี่ตูน บอดี้แสลม ก็มีคนเดียวไม่มีใครจำคนเหมือนพี่ตูน ฉันใดก็ฉันนั้น


วันนี้มนุษย์กลยุทธ์อย่างผม จึงขอนำเสนอ พื้นฐาน 3 ข้อ ที่ทำได้ง่าย และสามารถแปรเปลี่ยนการตลาดแบบความหวัง Hope Marketing ให้กลายเป็น การตลาดแบบมีโอกาส หรือ Opportunity Marketing


1. คุณต้องมองเห็นชัดว่าลูกค้าในอุดมคติของคุณนั้นคือใคร?

หากคุณไม่รู้ว่าคน ๆ นั้นเป็นใคร แล้วคุณจะตั้งเป้าหมายเพื่อพิชิตใจคน ๆ นั้นได้อย่างไร มนุษย์กลยุทธ์เลยขอแนะนำให้เขียนแบบจริง ๆ จัง ๆ เลยครับ ให้มีรายละเอียดเยอะที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


เช่น เราตั้งเป้าหมายว่าลูกค้าของเราคือ กลุ่มคนเริ่มทำงาน ในภาคการเงินการธนาคาร มีรายได้ไม่เกิน 3 หมื่นบาทต่อเดือน มีกำลังซื้อประมาณ 1 หมื่นบาท อีก 2 หมื่นบาทต้องผ่อนคอนโด กับรถคันแรก เวลาว่างจะเล่นเกมส์ออนไลน์ ซื้อเครื่องสำอางราคาปานกลาง วันหยุดเดินสวนจตุจักร เป็นต้น


เพราะการที่ต้องให้ละเอียดขนาดมองเห็นรูขุมขนเช่นนี้ ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวคุณเอง เพราะคุณจะมองเห็นภาพเลยว่า คุณจะไปทำ event marketing ที่ไหน สื่อสารกับใคร ข้อความต้องใช้ประมาณไหน ยิงแอดอย่างไร ฯลฯ ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก ๆ เลยในการทำกลยุทธ์การตลาด


2. นำเสนอ “คุณค่า” ของสินค้าของคุณให้ชัด

เมื่อคุณรู้แล้วว่า คุณกำลังคุยอยู่กับใคร สิ่งต่อมาที่จำเป็นอย่างยิ่งที่สุด คือคุณต้องนำเสนอ “คุณค่า” ของสินค้าหรือบริการของคุณได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง เพราะมิฉะนั้นสิ่งที่คุณทำมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร?


คำถามก็คือ แล้วอะไรคือ “คุณค่า” มนุษย์กลยุทธ์ให้ลองนึกถึงสินค้ารอบๆตัวที่คุณซื้อ ซื้อมาใช้ว่า “คุณค่า” ของสินค้าหรือบริการที่คุณชื่นชอบนั้นคืออะไร?


เช่น รองเท้า TOMS คุณค่าของเขาคือการให้เด็กผู้ยากไร้ “ทุกคู่ที่คุณซื้อ ทอมส์จะให้รองเท้าใหม่กับเด็กที่ขาดแคลนรองเท้า หนึ่งคู่ ต่อ หนึ่งคู่” ซึ่งชัดเจนมาก ทำให้เขาเดินกลยุทธ์การตลาดแบบ ไม่สะเปะสะปะ


Dominos พิซซ่าเจ้าอร่อยกลยุทธ์ทางการตลาดของเขาก็ชัดเจนว่า “ถ้าส่งพิซซ่าได้ไม่ทันภายใน 30 นาที คุณทานฟรี”


ส่งผลให้กลยุทธ์ แคมเปญ ที่ทำต่อเนื่องได้อย่างชัดเจนและทุกอย่างต้องล้อไปกับ “คุณค่า” ที่แท้จริงของสินค้าและบริการ


3. นำเอาทุกอย่างมาผสมกันเป็นแผนการตลาด

คราวนี้ถึงเอาส่วนผสมสองอย่างมาเข้าผสมกันเป็นแผนการตลาดที่เป็นแผนการตลาดที่ถูกคิดถูกทำขึ้นมาโดยคุณ เหมาะกับคุณ เหมาะกับสินค้าและบริการของคุณโดยเฉพาะ ถ้าจะให้ดีมนุษย์กลยุทธ์อยากให้คุณลองไปเข้าสัมมนา ฟังเรื่องราว คามรู้ต่าง ๆ ดูบ้าง หรือถ้างบน้อยก็จ่ายเงินเรียน คอร์สออนไลน์ หาสัมมนาฟรี เพื่อหาไอเดียใหม่ ๆ บ้างนะครับ อย่ามัวแต่หวังพึ่งแต่ อากู๋อยู่ตลอดเวลา


ซึ่งถ้าของดีของที่มันมีต้นทุนเขาก็ต้องคิดราคา เพราะยุคนี้เป็นยุคที่ข้อมูลฟรี ๆ ข้อมูลถูก ๆ กำลังจะหมดไป เข้าก้าวไปสู่ยุคข้อมูลที่มีราคา และคุณภาพ โดยการกำจัดทิ้งข้อมูลขยะต่าง ๆ ออกไป เหมือนสมัยที่เรากำจัด เมลขยะที่ส่งมาทาง อีเมลเมื่อนานมาแล้ว


การตลาดแบบความหวังนั้นบางทีก็ถูก บางทีก็ผิดเอาแน่เอานอนไม่ได้ พึ่งความคาดหวังเป็นเกณฑ์ มีความกังวลเป็นที่พึ่งนั้นมันสนุกดี เหมือนซื้อล็อตเตอรี่ ถ้าโชคดีก็ถูกรางวัล แต่คนที่ได้รางวัลนั้นมีไม่เท่ากับคนเสียเงิน


หากไม่อยากพลาดข้อมูลดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ อย่าลืมกดติดตามแบบ SeeFirst ให้ มนุษย์กลยุทธ์ ด้วยนะครับ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก :

Commenti


bottom of page