ล่าสุดบริษัทผู้ให้บริการด้านการเงิน-ชำระเงินสัญชาติอเมริกันอย่าง “Square” ประกาศซื้อบิทคอยน์เพิ่ม อีกมูลค่า 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ปัจจุบันบิทคอยน์มีสัดส่วนประมาณ 5% ของสินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท ซึ่งจากข่าวดังกล่าว ทำให้ราคาบิทคอยน์เพิ่มขึ้นทันที และปรับตัวขึ้นยืนเหนือระดับ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐอีกครั้ง นอกจากนี้การปรับขึ้นของราคาบิทคอยน์ ยังทำให้คริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆ อย่าง Ether และ XRP ปรับเพิ่มขึ้น 11% และ 4% ตามลำดับ
สำหรับราคาบิทคอยน์ในปัจจุบัน (25 ก.พ.) อยู่ที่ 1.49 ล้านบาท ต่อ 1 บิทคอยน์ ซึ่งถือเป็นคริปโทเคอร์เรนซีที่แพงที่สุดในโลกก็จริง แต่นัยความสำคัญของบิทคอยน์ไม่ได้อยู่ที่ “ราคา” แต่เพจมนุษย์กลยุทธ์เรามองว่า ความสำคัญของบิทคอยน์ต่างหาก ที่อาจจะมาเปลี่ยนบทบาททางการเงิน
นำโดยบริษัทรถพลังงานไฟฟ้า (อีวี) ที่มีมาร์เก็ตแค็ปสูงที่สุดในตลาดรถยนต์อย่าง Tesla ประกาศว่าจะใช้บิทคอยน์ แทนกระแสเงินสดในบริษัท ขณะเดียวกัน Elon Musk ยังประกาศว่าทาง Tesla เตรียมให้ประชาชนสามารถซื้อรถ Tesla โดยใช้เงินบิทคอยน์ได้
รวมถึงการที่ Microstrategy ผู้ให้บริการซอฟท์แวร์และคลาวด์รายใหญ่ระดับโลก ก็เพิ่งประกาศเข้าซื้อบิทคอยน์ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยังไม่นับความวุ่นวายที่ปัจจุบัน “การ์ดจอ” ขาดตลาด เนื่องจากการขุดบิทคอยน์จำเป็นต้องใช้การ์ดจอ แม้เราจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตามที่ธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติ ประกาศว่า บิทคอยน์ไม่ใช่เงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย
แต่ก็อย่างที่เราเห็นว่า แม้ว่าบิทคอยน์จะเป็นเงินที่ไม่มีสินทรัพย์ Back Up ก็จริง รวมถึงการที่ Janet Yellen รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ ระบุว่า บิทคอยน์เป็นสกุลเงินที่ไม่มีประสิทธิภาพ ให้ประชาชนระวังการใช้เงินบิทคอยน์ โดยเฉพาะการนำเงินไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย และยังเตือนนักลงทุนที่เข้าเก็งกำไรในบิทคอยน์ เนื่องจากมีความผันผวนสูง ดังนั้นนักลงทุนจะควรระมัดระวังหากต้องการลงทุนในบิทคอยน์ คริปโทเคอร์เรนซีที่มาแรงที่สุดในขณะนี้ แม้ว่าบริษัทใหม่ๆ ในปัจจุบัน ต่างยอมรับการใช้บิทคอยน์แทนเงินสดกันมากขึ้น ดังนั้นไม่ว่าบิทคอยน์จะกลายเป็นเงินสกุลหลักในอนาคตหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ บิทคอยน์คือคริปโทเคอร์เรนซีที่มาเขย่าโลกการเงินและโลกการค้าอย่างแน่นอน
ที่มา :
Comentarios