ต้องยอมรับครับว่าในหลายปีที่ผ่านมามีร้านกาแฟเกิดขึ้นใหม่หลายมุมเมือง ตั้งแต่คาเฟ่ต์ร้านเล็ก ๆ ไปจนถึงแบรนด์ใหญ่ เพราะการเปิดร้านกาแฟยังถือว่าเป็นธุรกิจในฝันของใครหลาย ๆ คน
ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคบางกลุ่มที่ชอบดื่มกาแฟสำเร็จรูป หันมาลองลิ้มกาแฟสดที่มีหลากหลายรสชาติมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กาแฟดริป, กาแฟโคล์ดบริว เป็นต้น แถมกาแฟสดยังมีกลิ่นหอมของการคั่วเมล็ดกาแฟ ทำให้เข้าร้านกาแฟที่ไร หลาย ๆ คน เหมือนได้พักผ่อน
ตลาดกาแฟไทย ปี 2563 จาก บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เผยว่ายังคงที่
แม้จะมีสถานการณ์โควิด-19 ก็ตาม ทำให้พฤติกรรมของคนไทยหันกลับมาดื่มกาแฟในบ้านแทน
ภาพรวมตลาดกาแฟปี 2563 อยู่ที่ 60,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น
กาแฟในบ้าน มูลค่า 33,000 ล้านบาท
กาแฟนอกบ้าน มูลค่า 27,000 ล้านบาท
ทำให้ตลาดกาแฟในบ้านเติบโตขึ้นร้อยละ 10.7
ปัจจัยหลักที่ทำให้กาแฟในบ้านโตขึ้น ก็คงหนีไม่พ้นสถานการณ์โควิด-19 แม้ว่าเศรษฐกิจถดถอยลง แต่ผู้ผลิตกาแฟก็ปรับตัว และสร้างเทรนด์การดื่มกาแฟใหม่ ๆ ออกมา ทำให้การดื่มกาแฟนอกบ้านลดลง และหันมาชงดื่มเองกันมากขึ้น จะเห็นได้จากกาแฟแคปซูล เพียงแค่มีเครื่องชงกาแฟ แกะแคปซูลใส่เครื่อง ก็หมือนกาแฟสดชงจากร้าน
ส่วนตลาดกาแฟนอกบ้านเติบโตลดลงร้อยละ 30-40 และพุ่งถึงร้อยละ 50 ในช่วงล็อคดาวน์ ส่งผลให้ทิศทางการบริโภคกาแฟของคนไทยหลังจากนี้ เป็นที่น่าจับตามอง
การส่งออกกาแฟของไทย ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.ค. 63
– ส่งออกกาแฟดิบ 185.57 ตัน มูลค่า 1.08 ล้านดอลลาร์
– ส่งออกกาแฟคั่ว 68.58 ตัน มูลค่า 0.65 ล้านดอลลาร์
– ส่งออกกาแฟสำเร็จรูป 14,480.11 ตัน มูลค่า 56.01 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ กาแฟไทยยังมีศักยภาพในการทำตลาดต่างประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ สำหรับสินค้าเมล็ดกาแฟ ได้รับการยกเว้นภาษีและโควตาจากอาเซียน (ยกเว้นเมียนมา กำหนดภาษีสินค้าเมล็ดกาแฟดิบที่ 5%) ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี และเกาหลีใต้แล้ว
ส่วนผลิตภัณฑ์กาแฟ ประเทศอาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น ชิลี เกาหลีใต้ และฮ่องกง ได้ยกเลิกภาษีให้ไทยแล้ว
Comments